Site icon Thumbsup

บรรยากาศงาน True Incube Demo Day – Meet the 1st Class of True Incube

ผ่านไปแล้วสำหรับงาน True Incube Demo Day ที่จัดขึ้นที่ Launchpad เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2557 ที่ผ่านมา

หลังบ่มเพาะผู้เข้ารอบทั้ง 6 ทีมมาเป็นระยะเวลา 99 วัน ภายใต้งบประมาณ 250 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีหน้าใหม่ หรือที่เรียกกันว่า Startup ให้มีความพร้อมที่จะก้าวขึ้นแข่งขันกับสตาร์ทอัพอื่นๆ ทั่วโลก เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ผ่านมา ทาง True Incube จึงได้เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทดลอง Pitch งานต่อหน้าเหล่านักลงทุนตัวจริง โดยมี มร. ไคลี่ อึง ตัวแทนจาก 500 Startups และนักลงทุนจากประเทศมาเลเซีย สิงค์โปร์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี สหรัฐอเมริกา และนักลงทุนในประเทศไทยเอง เข้าร่วมฟังการเสนอแนวคิด ตัวอย่างการใช้งาน ความสำเร็จที่ผ่านมา และเป้าหมายในอนาคตของพวกเขา ภายในเวลา 10 นาที

ทีม Taamkru – ทีมที่รวบรวมเทคโนโลยีเข้ากับการศึกษาเพื่อ พัฒนาทักษะน้องๆ ในช่วงปฐมวัย เพื่อตอบโจทย์ผู้ปกครองที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก ในการจูงใจน้องๆ ให้ทำแบบฝึกหัดที่เดิมนั้นช่างแสนน่าเบื่อ และจำเจ ทำซ้ำไม่ได้ ไม่มีรางวัลที่โดนใจ และผู้ปกครองเองก็ไม่สามารถทราบได้เลยว่า ลูกๆ ของพวกเขามีทักษะที่อยู่ในระดับใดเมื่อเทียบกับเด็กคนอื่นๆ ซึ่งตอบโจทย์ผู้ปกครองสมัยใหมได้ดีที่ ต่างก็มีแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนไว้ในครอบครอง ที่พร้อมจะลงทุนเพื่อการศึกษาให้บุตรของพวกเขา โดยแอปพลิเคชันดังกล่าวได้รับความนิยมจากผู้ใช้ทั้งในประเทศไทย และต่างประเทศอย่างเช่น ประเทศจีนอีกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาแอปพลิเคชัน Taamkru นั้นถูกดาวน์โหลดมากถึง 30,000 ครั้งติดอันดับ 1 ในหมวด Education and Kids  บน App Store และมีโรงเรียนที่ใช้งานแอปพลิเคชันดังกล่าวแล้วมากถึง 200 แห่ง

 

ทีม Todok – ที่มาพร้อมแอปพลิเคชัน Budket ตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการร้านค้าขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่ต้องการระหยัดงบประมาณโดยไม่ต้องซื้อเครื่อง POS หรือเครื่องเก็บเงินที่เราๆ รู้จักกัน ทำให้ผู้ประกอบการคำนวนยอดขายได้ง่ายขึ้นแทนการนั่งจดจากบิลและคำนวนเอง หรือบันทึกและทำบัญชีแบบเก่า อีกทั้งยังสามารถใช้งานในการแสกนบาร์โค้ด เชื่อมต่อกับปรินท์เตอร์เพื่อพิมพ์ใบเสร็จ และสามารถประหยัดเนื้อที่ในภายในร้านได้อีกด้วย ซึ่งทาง Todok ได้รายงานว่าแอปพลิเคชันของพวกเขานั้นได้รับความนิยมจากผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก เพียงแค 3 สัปดาห์หลังการเปิดตัว แอปพลิเคชันก็ทะยานขึ้นติดอันดับ 3 ในแอปพลิเคชันหมวด Business ด้วยจำนวนดาวน์โหลด 1,000 ครั้ง บน App Store นอกจากนี้พวกเขายังมีการจำแนกการให้บริการทั้งแบบธุรกิจแบบเล็กไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีแฟรนไชส์อีกด้วย

ทีม Fit Me – ตอบโจทย์นักช็อปเสื้อผ้าออนไลน์ ที่บ่อยครั้งเสื้อผ้าที่สั่งมามักไม่ตรงไซส์ เพื่อให้แบรนด์ และนักช็อปพอใจทั้งสองฝ่าย แอปพลิเคชันดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้ใช้บันทึกสัดส่วนของพวกเขาก่อนสั่งสินค้าตามแบบที่ชื่นชอบผ่านแอปพลิเคชัน โดยแบรนด์ต่างๆ จะตัดเย็บสินค้าเหล่านั้นตามตัวเลขสัดส่วนของผู้ใช้ที่ให้มา เพื่อลดปัญหาการคืนสินค้า และการค้างสต๊อกของแบรนด์เอง ซึ่งดูเหมือนว่าแอปพลิเคชันดังกล่าวจะโดนใจผู้ใช้เป็นอย่างมาก เพราะเพียง 19 วันหลังเปิดตัวแอปพลิเคชันก็มีผู้ใช้งานแอปพลิเคชันมากถึง 3,000 ราย และมีรายได้เข้ามากถึง 1000 USD โดยมีแบรนด์ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับทาง Fit Me มากถึง 30 แบรนด์

ที่ม Sellsuki – เพราะการช็อปปิ้งออนไลน์ของคนไทยส่วนมาก ยังต้องอาศัยการสนทนาก่อนตัดสินใจซื้อ และ Sellsuki เองได้มองเห็นพฤติกรรมดังกล่าวของนักช็อปไทย ที่มักสื่อสารกับผู้ค้าผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก แต่การสื่อสารผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กนั้น ทำให้เป็นการยากสำหรับผู้ประกอบการในติดตามออเดอร์ และการโอนเงินของลูกค้า แต่หากผู้ประกอบการใช้งาน Sellsuki การสื่อสารเพื่อการปิดยอดขายจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะ Sellsuki จะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเปิดออเดอร์ ทำบิล และแจ้งหมายเลขพัสดุได้ง่ายๆ ขณะนี้มีผู้ประกอบการใช้งาน Sellsuki มากถึง 600 รายและมียอดการใช้จ่ายผ่าน Sellsuki มากถึง 1.5 ล้านบาทแล้ว

ทีม Zeekamore – ที่มาพร้อมกับ Mocha+ แอปพลิเคชันรวบรวมแค็ตตาล็อคสินค้าจากแบรนด์ต่างๆ พร้อมฟังก์ชันการค้นหาสินค้า และการแสดงแผนที่ร้านค้าที่มีสินค้าในบริเวณใกล้เคียง ซึ่งแบรนด์ที่เข้าเป็นพาร์ทเนอร์จะได้รับข้อมูลความสนใจสินค้าต่างๆ ของกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยปัจจุบัน Mocha+ มีแค็ตตาล็อกจากแบรนด์ต่างๆ ถึง 65 แบรนด์ และมีผู้ใช้งานมากถึง 4,000 รายแล้ว

ที่ม Sticgo – เอาใจคนไทยที่ชอบถ่ายภาพ ชอบสติ๊กเกอร์ และแชร์ภาพเหล่านั้นผ่านโซียลเน็ตเวิร์กอย่าง Facebook และ Instagram โดยสติ๊กเกอร์จะเปลี่ยนไปตามสถานที่ที่ผู้ใช้ถ่ายภาพ และเป็นอีกโอกาสของแบรนด์ที่จะสร้าง Brand Awareness ผ่านสติ๊กเกอร์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถรุกตลาดได้อยากรวดเร็วเมื่อเทียบกับความนิยมของชาวไทยในปัจจุบัน โดยในตอนนี้ทาง Sticgo มีพาร์ทเนอร์ใหญ่ๆ อย่าง Central Group และแบรนด์ใหญ่ๆ รายอื่นๆ

โดยภายในงาน Sticgo ได้ทดลองการใช้งานแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่ายมากๆ ณ Launchpad ที่มีสิต๊กเกอร์ลายน่ารักๆ อย่าง Mr. Start ปัจจุบัน Sticgo มียอดการดาวน์โหลดกว่า 1 แสนครั้ง และมีสติ๊กเกอร์กว่า 1,000 แบบในแอปพลิเคชัน

นอกจากการ Pitch งานของเหล่าสตาร์ทอัพในโปรแกรม True Incube รุ่นที่ 1 แล้ว คุณปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้อำนวยการบริหาร ทรู อินคิวบ์ ยังได้เผยว่าทาง Ture Incube จะไม่ทอดทิ้งยังคงให้การสนับสนุนสตาร์ทอัพรุ่นแรกเช่นเดิม โดยในการดูแล True Incube รุ่นที่ 2 ที่จะเปิดรับสมัครถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์นี้เท่านั้น คุณปุณณมาศ ตั้งใจจะพัฒนาและผลักส่งเหล่าสตาร์ทอัพให้มีคอนเน็คชันกับผู้ลงทุนและผู้ประกอบการต่างชาติมากขึ้น เพื่อยกระดับแสะสร้างความเป็นสากลให้แก่วงการสตาร์อัพไทย อนึ่งผู้ที่สนใจเข้าร่วมเป็นหนึ่งใน True Incube รุ่นที่ 2 สามารถสมัครออนไลน์ผ่านทาง www.trueincube.com หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ trueincube@truecorp.co.th