Calculator

ในยุคที่ Generative AI สามารถเขียนโค้ด แต่งกลอน หรือแม้แต่แก้โจทย์คณิตศาสตร์โอลิมปิกได้ หลายคนอาจมองว่าอุปกรณ์หน้าตาบ้าน ๆ ปุ่มกดแข็ง ๆ อย่าง เครื่องคิดเลข น่าจะถูกกวาดลงถังขยะแห่งประวัติศาสตร์ไปพร้อมกับลูกคิดหรือเพจเจอร์ได้แล้ว แต่ตัวเลขยอดขายและความเป็นจริงในตลาดกลับตบหน้าผู้ที่ศรัทธาในเทคโนโลยีใหม่อย่างจัง

วันนี้ Thumbsup จะพาไปเจาะลึกกรณีศึกษาของ Casio และตลาดเครื่องคิดเลขที่ยังคงยืนหยัดอยู่อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางสมรภูมิที่ AI และสมาร์ตโฟนพยายามจะยึดครองโลก ว่าทำไม ความเรียบง่าย และ ความน่าเชื่อถือ ถึงยังเป็น Killer Feature ที่เทคโนโลยีล้ำสมัยยังเอาชนะไม่ได้

Calculator

AI Hallucination จุดตายของความอัจฉริยะ

ประเด็นแรกที่เราต้องพูดถึงคือเรื่องของ Trust

เราอยู่ในยุคที่ Chatbot สามารถตอบคำถามได้ทุกเรื่อง แต่กลับมีปัญหาเรื่อง Hallucination หรืออาการ หลอน ที่ AI มักจะมั่วข้อมูลขึ้นมาเองอย่างมั่นใจ แม้แต่โมเดลภาษาขนาดใหญ่cที่เก่งที่สุด บางครั้งก็ยังตกม้าตายกับการบวกเลขง่าย ๆ หรือการคำนวณที่ต้องการความแม่นยำ 100%

Tomoaki Sato ผู้บริหารของ Casio กล่าวประโยคที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังว่า ครื่องคิดเลขให้คำตอบที่ถูกต้องเสมอ

ในมุมมองของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในภาคธุรกิจ การบัญชี หรือการเงิน ความผิดพลาดแม้แต่ทศนิยมเดียวคือหายนะ สิ่งนี้ทำให้เครื่องคิดเลขยังคงมี Value Proposition ที่ชัดเจนมาก คือเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่เดียว แต่ทำหน้าที่นั้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ ปราศจากความเสี่ยงที่จะเกิดข้อผิดพลาดจากการประมวลผลทางภาษาเหมือนที่ AI เป็น

ตัวเลขไม่โกหก ตลาดยังต้องการ “ความชัวร์”

หากเรามาดูที่ตัวเลขยอดขาย จะเห็นภาพที่น่าสนใจ ในปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2025 Casio มียอดขายเครื่องคิดเลขทั่วโลกอยู่ที่ 39 ล้านเครื่อง

แม้ตัวเลขนี้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงพีคในปี 2019-2020 ที่ขายได้ถึง 45 ล้านเครื่อง ซึ่งเป็นผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการที่สมาร์ตโฟนและแอปพลิเคชันต่าง ๆ เข้ามาแทนที่ในการใช้งานทั่วไป แต่กราฟไม่ได้ดิ่งลงเหวอย่างที่หลายคนคิด ยอดขายในปัจจุบันมีการดีดตัวกลับขึ้นมาจากช่วงโควิดระบาด (ที่เคยตกลงไปเหลือ 31 ล้านเครื่อง)

นี่สะท้อนให้เห็นว่า ตลาดได้แบ่งผู้ใช้งานออกเป็น 2 กลุ่มชัดเจน:

  1. Casual Users: คนที่บวกเลขขำ ๆ จ่ายตลาด หารค่าข้าว กลุ่มนี้ย้ายไปใช้สมาร์ตโฟนหมดแล้ว
  2. Professional & Educational Users: กลุ่มที่ยังต้องการเครื่องคิดเลขจริง ๆ ซึ่งกลุ่มนี้คือฐานลูกค้าที่เหนียวแน่น และยังไม่มีทีท่าว่าจะทิ้งอุปกรณ์นี้ไป

ทำไม “ปุ่มกด” ถึงชนะ “หน้าจอสัมผัส”

ในมุมของ User Experience (UX) การกดปุ่มจริง ๆ บนเครื่องคิดเลข ให้ความรู้สึกมั่นใจกว่าการแตะบนหน้าจอกระจกมาก

ลองนึกภาพตามนะ ถ้าคุณเป็นแม่ค้าที่ต้องคิดเงินลูกค้าท่ามกลางความวุ่นวาย หรือเป็นนักบัญชีที่ต้องรัวนิ้วใส่ตัวเลข การได้ยินเสียง ต๊อก ๆ ๆ และแรงต้านของปุ่มกด คือการยืนยันว่าข้อมูลถูกป้อนเข้าไปแล้วจริง ๆ

เจ้าของร้านขายกระเป๋าในย่านเยาวราช กรุงเทพฯ ให้สัมภาษณ์กับ AFP ไว้อย่างน่าสนใจว่า เครื่องคิดเลขมันทนทาน (ต่อให้ทำตกก็ไม่พังเหมือนมือถือ) และที่สำคัญคือ มันเป็นเครื่องมือสื่อสารอีกด้วย

“เรากดตัวเลขแล้วโชว์ให้ลูกค้าดูได้เลย” เธอกล่าว นี่คือ Use Case ที่นักพัฒนาแอปฯ อาจจะมองข้าม การยื่นเครื่องคิดเลขให้ดูราคาคือภาษาสากลที่ทำลายกำแพงภาษาได้ชะงัดนัก ซึ่งสมาร์ตโฟนทำได้ยากกว่าเพราะมีความเป็นส่วนตัวสูง และหน้าจออาจจะดับหรือหมุนไปมา

ช่องว่างของเทคโนโลยี

อีกปัจจัยที่ทำให้นักการตลาดต้องหันมามองคือ ความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี

Ryohei Saito ผู้จัดการทั่วไปของ Casio ในไทย ชี้ให้เห็นว่า “ไม่ใช่ทุกที่ในโลกที่จะมีการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน” ในโรงเรียนของประเทศกำลังพัฒนา หรือพื้นที่ที่ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ตยังไม่เสถียร เครื่องคิดเลขที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และแบตเตอรี่ก้อนเดียวอยู่ได้เป็นปี คือทางเลือกที่ “Practical” ที่สุด

นี่คือโอกาสในการเติบโตที่ Casio มองเห็น ในขณะที่โลกตะวันตกตื่นเต้นกับ AI แต่ในหลายมุมของโลก เครื่องมือพื้นฐานเหล่านี้คือหัวใจสำคัญของการศึกษาและการค้าขาย

Thumbsup มองว่า เรื่องราวของเครื่องคิดเลขปะทะ AI ให้บทเรียนสำคัญกับ 3 ข้อ

  1. Don’t Over-Engineer: บางครั้งลูกค้าไม่ได้ต้องการฟีเจอร์ที่ล้ำที่สุด แต่ต้องการเครื่องมือที่ ไว้ใจได้ที่สุด ในการแก้ปัญหาของเขา
  2. Niche is Wealth: การที่ตลาดแมสหายไป ไม่ได้แปลว่าสินค้าจะตาย การโฟกัสที่กลุ่ม Niche (เช่น นักเรียน, แม่ค้า, นักบัญชี) และตอบโจทย์พวกเขาให้สุดทาง สามารถสร้างยอดขายระดับหลายสิบล้านเครื่องได้
  3. Physical Experience Matters: ในโลกดิจิทัล การสัมผัสจับต้องได้กลายเป็นเสน่ห์และจุดแข็ง การออกแบบ Product ที่คำนึงถึงสรีระและการใช้งานจริง ยังคงเป็นกุญแจสำคัญ

แม้ศาสตราจารย์ Gregor Dolinar ประธานโอลิมปิกวิชาการคณิตศาสตร์ระหว่างประเทศ (IMO) จะมองว่าในอนาคตเครื่องคิดเลขอาจจะค่อย ๆ หายไปเมื่อ AI พัฒนาจนสมบูรณ์แบบและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ตราบใดที่มนุษย์ยังต้องการความมั่นใจในระดับที่ ห้ามพลาด และยังต้องการอุปกรณ์ที่ทนทาน ไม่ต้องชาร์จไฟทุกวัน และไม่มีวัน หลอน ข้อมูลใส่เรา

เครื่องคิดเลขก็จะยังคงวางอยู่บนโต๊ะทำงานและเคาน์เตอร์แคชเชียร์ต่อไป เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความ Simple but Effective ที่ AI ยังโค่นไม่ลง

อ้างอิง: Japan Today

อ่านเพิ่มเติม

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: