AIDA

ในยุคที่ตลาดแฟชั่นและอีคอมเมิร์ซไทยกลายเป็นสมรภูมิที่ ดุเดือดเลือดพล่าน และใคร ๆ ก็สามารถกระโดดเข้ามาเป็นผู้ขายได้ง่าย ๆ สิ่งที่ท้าทายที่สุดสำหรับเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่และนักการตลาดไม่ใช่แค่การ มีสินค้าขาย แต่คือการทำอย่างไรให้สินค้าไปอยู่ในใจและจบที่ตะกร้าสินค้าของผู้บริโภคที่กำลังขาดความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย

ท่ามกลางเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปทุกวัน กลับมีโมเดลหนึ่งที่ยังคงเป็นเข็มทิศที่ไวใจได้เสมอ นั่นคือ AIDA Framework

AIDA

จุดเริ่มต้นของตำนาน 3 ศตวรรษ

AIDA ไม่ใช่ของใหม่ แต่มันคือของที่ เก๋า จนอยู่รอดมาได้กว่าร้อยปี โมเดลนี้ถูกพัฒนาโดย E. St. Elmo Lewis ตั้งแต่ปี 1898 โดยเริ่มจากการเป็นหลักการสื่อสารเพื่อ ดึงดูดความสนใจ ให้ความรู้ และเปลี่ยนใจคน จากนั้นได้ถูกพัฒนาจนกลายเป็นลำดับขั้นการตัดสินใจซื้อที่สมบูรณ์แบบในชื่อ AIDA ที่เรารู้จักกันดี โดยประกอบด้วย Awareness, Interest, Desire และ Action

แม้ปัจจุบันการตัดสินใจของผู้บริโภคจะไม่เป็นเส้นตรงเหมือนในอดีต และมีการวิจารณ์ว่า Funnel แบบเดิมอาจจะเรียบง่ายเกินไปสำหรับโลกปี 2025 แต่ AIDA ก็ยังคงทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานในการวางแผนการสื่อสารการตลาดได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะมันช่วยให้เรารู้ว่า ในแต่ละวินาทีที่ลูกค้าอยู่กับเรา เราควรคุยอะไรกับเขา

ผ่าโครงสร้าง AIDA ที่เรียงจากความสงสัยสู่การซื้อจริง

  1. Awareness สร้างการรับรู้ท่ามกลางเสียงที่หนวกหู: ขั้นแรกคือการทำให้ลูกค้ารู้ว่าเรา “มีตัวตน” ในยุคที่ Feed โซเชียลไหลเร็วกว่าสายน้ำ แบรนด์ต้องใช้เครื่องมืออย่างชาญฉลาด ไล่ตั้งแต่เราจะใช้แพลตฟอร์มไหนเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย? หรือ Message อะไรที่จะทำให้เขาหยุดนิ้วโป้งได้ภายใน 3 วินาที?
  2. Interest เปลี่ยนความสนใจให้เป็นความสงสัย: เมื่อเขารู้จักเราแล้ว ต่อไปคือการทำให้เขา อยากรู้จักต่อ ในขั้นนี้ คอนเทนต์ต้องลงลึกถึงคุณประโยชน์ ไม่ใช่แค่คุณสมบัติ เช่น ใช้ความจริงใจและการฟังเสียงลูกค้ามาพัฒนาสินค้าจนตรงใจ หรือการทำ Video เพื่อให้เห็นภาพการใช้งานจริง
  3. Desire เปลี่ยนจาก “ก็ดีนะ” เป็น “ของมันต้องมี”: นี่คือจุดที่ความรู้สึกเข้ามามีบทบาทสำคัญ แบรนด์ต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าสินค้านี้จะช่วยแก้ Pain Point ของเขาได้จริง ๆ เพราะการเชื่อมโยงกับความรู้สึกแบบนี้จะเปลี่ยนจากแค่ ชอบ เป็น ต้องการ
  4. Action ปิดดีลให้ไว อย่าปล่อยให้หลุดมือ: ขั้นสุดท้ายคือ Call to Action (CTA) ที่ชัดเจนและง่ายที่สุด การใช้โค้ดส่วนลด Flash Sale หรือการกระตุ้นผ่านช่องทางต่าง ๆ เป็นเทคนิคที่ช่วยสร้างความรู้สึกเสียดาย (FOMO) จนลูกค้าต้องตัดสินใจทันที

การมาถึงของ “R” หรือ Retention

ในโลกการตลาดปัจจุบัน Action ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้น นักการตลาดรุ่นใหม่จึงเพิ่ม “R” หรือ Retention เข้าไป กลายเป็น AIDAR เพราะต้นทุนการหาลูกค้าใหม่นั้นแพงกว่าการรักษาลูกค้าเก่าหลายเท่า การสร้าง Momentum เพื่อดึงดูดลูกค้าเดิมให้กลับมาซื้อซ้ำ เพราะมันคือกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจรอดพ้นจากเศรษฐกิจที่เปราะบาง

Thumbsup มองว่า ในมุมมองของคนทำงานจริง AIDA ไม่ใช่สูตรสำเร็จที่ทำ 1-2-3-4 แล้วจะจบเสมอไป แต่มันคือ การเข้าใจหัวใจของความเป็นมนุษย์ ซึ่งในปี 2026 ที่มีกลุ่มลูกค้าใหม่อย่าง Gen Horizon (45+) ที่มีกำลังซื้อสูงและภักดีต่อแบรนด์ การใช้ AIDA กับกลุ่มนี้อาจต้องเน้นไปที่ความน่าเชื่อถือและการให้เกียรติ มากกว่าการใช้โปรโมชั่นหวือหวา

สรุปแล้ว AIDA ยังคงเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งเสมอ เพียงแต่เราต้องรู้จักปรับเปลี่ยน วิธีการสื่อสาร ในแต่ละขั้นตอนให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การใช้เครื่องมือที่ครบวงจรตั้งแต่ Ads, Video ไปจนถึง Live จะช่วยให้ Funnel ของคุณไม่รั่วไหล และเปลี่ยนจากคนแปลกหน้าให้กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ได้ในที่สุด

อ้างอิง: Smart Insight

อ่านเพิ่มเติม

I'm a Content Creator and Storyteller, and i love Shooting my daughter :><: