นับเป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่สั่นสะเทือนทั้งวงการการตลาดและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เมื่อการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศความสำเร็จในการคว้าตัว LISA “ลิซ่า – ลลิษา มโนบาล” ศิลปินระดับโลก มารับตำแหน่ง “Amazing Thailand Ambassador” อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการเดินเกมรุกที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การเลือกพรีเซนเตอร์ชื่อดัง แต่คือการวางหมากกลยุทธ์ที่ลึกซึ้ง ว่าด้วยการใช้ Brand Personality และ Soft Power เพื่อยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยบนเวทีโลกในปี 2569
ต้องยอมรับว่าการตัดสินใจครั้งนี้ของ ททท. เป็นมากกว่าแค่การเซ็นสัญญา แต่เป็นการเลือก ‘สัญลักษณ์’ ที่ทรงพลังที่สุดในยุคนี้มาเป็นตัวแทนประเทศ ลิซ่าไม่ได้มีสถานะเป็นเพียงศิลปิน K-Pop ที่ประสบความสำเร็จ แต่เธอคือไอคอนทางวัฒนธรรมระดับโลก (Global Cultural Icon) ที่มีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียรวมกันหลายร้อยล้านคน การเคลื่อนไหวของเธอทุกย่างก้าวสามารถสร้างแรงกระเพื่อมทางเศรษฐกิจและสังคมได้อย่างมหาศาล ปรากฏการณ์ที่เธอสวมใส่ผ้าซิ่นไปไหว้พระที่อยุธยา หรือการพูดถึงลูกชิ้นยืนกินที่บุรีรัมย์ จนกลายเป็นไวรัลและสร้างรายได้ให้ชุมชนอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน คือบทพิสูจน์ที่ชัดเจนถึงอิทธิพลที่เธอมี และการดึงลิซ่าเข้ามาจึงเป็นการแก้โจทย์การตลาดที่ชาญฉลาดในหลายมิติ

การเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่และการขยายฐานตลาด
ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยในสายตาชาวโลกมักจะผูกติดอยู่กับวัฒนธรรมดั้งเดิม, ธรรมชาติที่สวยงาม หรือสถานบันเทิงยามค่ำคืน การมีลิซ่าเข้ามาเป็น Ambassador จะช่วยทลายภาพจำเดิม ๆ และดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่เป็นแฟนคลับของเธอทั่วโลก กลุ่มคนเหล่านี้คือผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงและเป็น Digital Native ที่พร้อมจะเดินทางตามรอยไอดอลที่พวกเขารัก การสื่อสารผ่านลิซ่าจึงเปรียบเสมือนการยิงปืนนัดเดียวที่ได้ทั้งการสร้าง Brand Awareness และการกระตุ้นให้เกิด Conversion (การตัดสินใจเดินทาง) ในกลุ่มตลาดที่ทรงคุณค่านี้
การยกระดับสู่ ‘Quality Leisure Destination’
ในแถลงการณ์ของ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. มีการเน้นย้ำถึงเป้าหมายในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น ‘Quality Leisure Destination’ หรือจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ ซึ่งภาพลักษณ์ของลิซ่าที่ดูทันสมัย, มีระดับ และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลนั้น สอดคล้องกับเป้าหมายนี้อย่างสมบูรณ์แบบ การร่วมงานกันครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเชิญชวนให้คน ‘มาเที่ยว’ แต่เป็นการส่งสารว่า ประเทศไทยพร้อมมอบ ‘ประสบการณ์ระดับพรีเมียม’ ที่น่าจดจำและมีคุณค่า ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนมุมมองของนักท่องเที่ยวจากเดิมที่อาจมองไทยเป็นเพียงแหล่งท่องเที่ยวราคาถูก (Budget Destination) ให้กลายเป็นจุดหมายที่ต้องมาเยือนเพื่อสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ
การใช้ Soft Power อย่างเป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมา เรามักพูดถึง Soft Power ในเชิงนามธรรม แต่ความร่วมมือระหว่าง ททท. และลิซ่า คือตัวอย่างของการนำ Soft Power มาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่จับต้องได้และวัดผลได้จริง ลิซ่าคือ ‘ผลผลิต’ ของวัฒนธรรมไทยที่ไปสร้างชื่อเสียงในระดับโลก การที่เธอกลับมาเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องราวของบ้านเกิดตัวเอง ทำให้สารที่ส่งออกไปมีความจริงใจ (Authenticity) และน่าเชื่อถือสูงกว่าการใช้พรีเซนเตอร์ต่างชาติหลายเท่า นี่คือการใช้ ‘คนไทย’ บอกเล่า ‘ความเป็นไทย’ ในภาษาที่คนทั้งโลกเข้าใจและพร้อมจะเปิดใจรับฟัง
บทบาทของลิซ่าในฐานะ Ambassador จึงไม่ใช่แค่การถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณาหรือการโพสต์โปรโมตสถานที่ท่องเที่ยว แต่คือการเป็น ‘สะพาน’ เชื่อมวัฒนธรรมไทยสู่สายตาชาวโลกในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร, แฟชั่น, ศิลปะ หรือไลฟ์สไตล์ การเดินทางของเธอในประเทศไทยจะกลายเป็นคอนเทนต์ที่ทรงพลัง สามารถสร้างเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งปลุกกระแสให้สินค้าและบริการท้องถิ่นกลายเป็นที่ต้องการในตลาดโลกได้ในชั่วข้ามคืน
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลังจากนี้คือการ ‘บริหารจัดการ’ ความคาดหวังและประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาตามรอยลิซ่า ททท. และผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวจะได้รับนั้น ‘Amazing’ สมชื่อแคมเปญจริงๆ ตั้งแต่โครงสร้างพื้นฐาน, การบริการ ไปจนถึงการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยของแหล่งท่องเที่ยว เพราะเมื่อกระแสมาแล้ว สิ่งที่จะรักษาให้การท่องเที่ยวเติบโตได้อย่างยั่งยืนคือ ‘คุณภาพ’ ที่ต้องส่งมอบให้ถึงมือนักท่องเที่ยวทุกคน
Thumbsup มองว่า การที่ ททท. จับมือกับลิซ่าในครั้งนี้ ถือเป็นมากกว่าแคมเปญการตลาด แต่มันคือการลงทุนเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญในการสร้างแบรนด์ประเทศไทย (Nation Branding) สำหรับทศวรรษหน้า เป็นการประกาศให้โลกรู้ว่าประเทศไทยไม่ได้มีดีแค่วัดวังหรือชายหาด แต่ยังมีพลังของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าด้วยความคิดสร้างสรรค์และมาตรฐานระดับโลก การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะสร้างความสนใจและดึงดูดเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ยังเป็นการสร้างความภาคภูมิใจและกระตุ้นให้คนไทยพร้อมใจกันเป็น ‘เจ้าบ้านที่ดี’ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามาอย่างแน่นอน นับเป็นก้าวที่น่าจับตาซึ่งจะกำหนดทิศทางการท่องเที่ยวไทยไปอีกหลายปีข้างหน้า


