การสร้างประสบการณ์ในการเดินทางด้วยรถไฟให้พิเศษสุดเป็นสิ่งที่บริษัทผู้ให้บริการรถไฟหลายประเทศคิดค้นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่นรถไฟของญี่ปุ่นที่มีการประดับตกแต่งเป็นพิเศษด้วยคาแรคเตอร์อนิเมะยอดนิยม หรือการใช้กระจกบานใหญ่ติดตั้งเพื่อให้ผู้นั่งได้รับชมวิวของดอกซากุระจากสองข้างทางได้ถนัดถนี่ หรือในบางเมืองอย่างยุฟุอินก็มีรถไฟสายพิเศษที่ตกแต่งอย่างสวยงามมาใช้โปรโมตการท่องเที่ยว
การหาสิ่งดึงดูดใจให้ผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ที่ดีนั้นยังเกิดขึ้นที่ประเทศเยอรมนีด้วย เมื่อบริษัท Locomore ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรถไฟหน้าใหม่ต้องการเปลี่ยนประสบการณ์ในการเดินทางด้วยรถไฟของผู้โดยสาร แนวคิดของ Locomore คือให้บริการรถไฟพร้อมเครือข่าย WiFi, ปลั๊กไฟสำหรับชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และโต๊ะทำงาน เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถทำงานระหว่างที่เดินทางได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนั้น ตั๋วของ Locomore ยังถูกกว่าผู้ให้บริการรายใหญ่อย่าง Deutsche Bahn หรือ DB ถึงครึ่งหนึ่ง แถมยังใช้พลังงานสะอาดอย่างพลังงานไฟฟ้าในการเดินรถด้วย
ส่วนอาหารที่มีจำหน่ายในรถไฟก็เน้นการผลิตจากวัตถุดิบในท้องถิ่น เพื่อแสดงถึงความสดใหม่ และการใส่ใจต่อสุขภาพของผู้บริโภค
ที่สำคัญ ผู้โดยสารยังสามารถเลือกนั่งโดยสารได้ตามความสนใจ เช่น ต้องการนั่งในที่ที่เงียบสงบ นั่งในโซนของคนชอบอ่านหนังสือ นั่งในโซนของคนชอบถักนิตติ้ง นั่งในโซนของคนชอบอ่านการ์ตูน หรือหากเป็นกลุ่มนักธุรกิจ ก็สามารถเลือกโซนที่เป็นส่วนตัวเพื่อจัดประชุมหรือทำงานได้เช่นกัน โดยทั้งหมดนี้สามารถระบุได้ในการจองตั๋วผ่านระบบออนไลน์ และไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
กิจการรถไฟของไทยเราเอง ณ ปัจจุบันก็พลิกโฉมหน้าไปมากพอสมควร แต่ผู้เขียนก็เชื่อว่า เรายังไปได้ไกลกว่านี้ ผนวกกับวิวทิวทัศน์สองข้างทางที่รถไฟบ้านเราแล่นผ่าน (ไม่นับช่วงที่วิ่งในกรุงเทพฯ นะคะ) ก็สวยงามและมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง เหลือก็แต่เพียงการใส่จิตวิญญาณของผู้ประกอบการที่รักการเดินทางด้วยรถไฟลงไป หรืออาจจะจับมือกับภาคธุรกิจที่มีความถนัดในแต่ละด้านก็ได้เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด บริการที่ดีที่สุด และคุณภาพที่ดีที่สุด
หากเกิดขึ้นได้จริง เชื่อว่าการรถไฟไทยจะอยู่ในใจคนไทยไม่แพ้รถไฟชาติอื่นๆ ในโลกแน่นอนค่ะ
ที่มา: Trendhunter