ในโลกของธุรกิจคอนเทนต์และลิขสิทธิ์กีฬา “การละเมิดลิขสิทธิ์” (Piracy) เปรียบเสมือนเงาตามตัวที่อุตสาหกรรมสื่อพยายามสลัดให้หลุดมาตลอดหลายทศวรรษ แต่ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีหมุนไปไวเท่าความคิด เงาเหล่านั้นไม่ได้เป็นแค่เว็บไซต์ลึกลับใต้ดินอีกต่อไป แต่มันได้วิวัฒนาการจนกลายเป็น “แบรนด์” ที่แข็งแกร่ง ยั่งยืน และมี Loyalty จากผู้ใช้งานทั่วโลกยิ่งกว่าแพลตฟอร์มถูกลิขสิทธิ์บางเจ้าเสียอีก
วันนี้เราจะมาเจาะลึกกรณีศึกษาที่น่าสนใจที่สุดในรอบปี จากรายงานพิเศษของ The Athletic เกี่ยวกับการทลายเครือข่าย Streameast แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกีฬาผิดกฎหมายที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเพิ่งถูกเจ้าหน้าที่บุกจับกุมในอียิปต์ นี่ไม่ใช่แค่ข่าวอาชญากรรมไซเบอร์ทั่วไป แต่มันคือกรณีศึกษาชั้นดีของ “Brand Awareness” ในด้านมืด และ Business Model ที่ซับซ้อนจนน่าตกใจ

รู้จัก Streameast เมื่อชื่อแบรนด์ทรงพลังกว่าโดเมนเนม
ข่าวการปิดตัว Streameast เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วโลกออนไลน์ แต่สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่ความสำเร็จของเจ้าหน้าที่ กลับเป็นปฏิกิริยาของผู้ใช้งาน (Users) ที่แสดงออกถึงความเศร้าเสียใจ ผสมปนเปไปกับการท้าทายจากเหล่าคอมเมนต์ในโลกโซเชียลว่า “Streameast ตายแล้ว… ขอให้ Streameast จงเจริญ”
Larissa Knapp หัวหอกคนสำคัญจาก Motion Picture Association (MPA) ที่ดูแลปฏิบัติการปราบปรามการละเมิดลิขสิทธิ์ ยอมรับความจริงที่น่าเจ็บปวดว่า การปิดเว็บไซต์นี้ไม่ได้ทำให้แบรนด์หายไป เธอเปรียบเทียบปรากฏการณ์นี้กับลูกชายของเธอได้อย่างเห็นภาพว่า “Streameast กลายเป็นคำสามัญประจำบ้านไปแล้ว เหมือนเวลาเราเรียกกระดาษทิชชู่ว่า ‘Kleenex’ นั่นแหละ ลูกชายผมถามว่าของจริงโดนปิดไปแล้วเหรอ ผมเลยต้องอธิบายว่า สิ่งที่เขาเข้าใจว่าเป็น ‘ของจริง’ มันคือแบรนด์ แต่ตัวเว็บไซต์จริง ๆ มันคือทิชชู่ที่หยิบแผ่นใหม่มาแทนเมื่อไหร่ก็ได้”
นี่คือโจทย์หินของนักการตลาดและฝ่ายกฎหมาย เพราะ Streameast ที่เพิ่งโดนอียิปต์สอยร่วงไปนั้น ความจริงแล้วเป็นเพียง “Copycat Site” หรือเว็บเลียนแบบที่ใช้ชื่อแบรนด์ Streameast มาหากิน แต่ดันทำได้ดีจนกลายเป็นเจ้าตลาดที่มีผู้ใช้งาน Active ต่อเดือนสูงถึง 136 ล้านคน ทั่วโลก
Digital Breadcrumb Trail แกะรอยเท้าดิจิทัลสู่ปิรามิด
การสืบสวนครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะคนร้ายในโลกยุค Web3 ไม่ได้ทิ้งรอยเท้าเปื้อนโคลนไว้ให้ตาม แต่พวกเขาทิ้งสิ่งที่เรียกว่า “Digital Money Trail”
Dani Bacsa หนึ่งในทีมสืบสวนจาก Alliance for Creativity and Entertainment (ACE) เล่าถึงเบื้องหลังปฏิบัติการว่า ทีมงานต้องใช้เวลาแกะรอยตั้งแต่ปลายปี 2023 โดยเริ่มจากโดเมนเป้าหมาย www.streameast.app ซึ่งเป็น Hub ใหญ่ที่สุดในบรรดาเครือข่ายเว็บผีกว่า 120 โดเมนที่มีคนเข้าชมรวมกันกว่า 1.2 – 1.6 พันล้านครั้งต่อปี
สิ่งที่น่าสนใจในเชิง Tech Investigation คือการที่ทีมงานต้องใช้ “Legal Discovery Tools” เพื่อบีบให้ผู้ให้บริการ Service Provider ที่ถูกกฎหมาย (ซึ่งอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังให้บริการอาชญากรอยู่) ต้องคายข้อมูลออกมา จนกระทั่งพบ IP Address ปลายทางที่อียิปต์
แต่ความพีคอยู่ที่ “เส้นทางการเงิน” เพราะยุคนี้การจะจับตัวการใหญ่ ต้อง Follow the money เท่านั้น
จากการแกะรอย Crypto Wallet พบว่ามีการโอนถ่ายเงินผ่าน Shell Company (บริษัทนอมินี) ไปยังสองจุดหมายปลายทาง คือ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) และ ดูไบ โดยมีชายชาวอียิปต์เป็นตัวกลาง (Lynchpin) คอยบริหารจัดการพอร์ตการลงทุนที่กระจายความเสี่ยงไว้อย่างดีเยี่ยม ทั้งอสังหาริมทรัพย์ เงินสด คริปโตฯ หรือแม้กระทั่ง “ทองคำแท่ง” เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
Business Model ของโจร, Malvertising และรายได้มหาศาล
หลายคนอาจสงสัยว่าเว็บเถื่อนพวกนี้เอารายได้มาจากไหนในเมื่อให้ดูฟรี? คำตอบคือ Advertising หรือที่ในวงการ Cyber Security เรียกว่า ‘Malvertising’
โมเดลธุรกิจของพวกเขาคือการขายพื้นที่โฆษณาให้กับอาชญากรไซเบอร์รายอื่น (เช่น เว็บพนัน, มัลแวร์, สแกมเมอร์) ผ่าน Pop-up ที่เราคุ้นเคยกันดีว่าชอบเด้งขึ้นมากวนใจ ซึ่งนอกจากจะสร้างความรำคาญแล้ว มันยังแฝงไปด้วยมัลแวร์ที่พร้อมจะขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้
ตัวเลขรายได้จากการสืบสวนพบว่า เฉพาะเครือข่ายนี้เครือข่ายเดียว กวาดรายได้จากค่าโฆษณาไปแล้วกว่า 4.9 ล้านปอนด์ (ประมาณ 215 ล้านบาท) และยังพบเส้นทางการเงินเพิ่มเติมอีก 2.7 ล้านปอนด์ รวมเบ็ดเสร็จเกือบ 7.6 ล้านปอนด์ (กว่า 320 ล้านบาท) นี่คือธุรกิจระดับ Enterprise ที่รันโดยอาชญากร ไม่ใช่นักศึกษาคอมพิวเตอร์ที่ทำเล่น ๆ ในห้องนอนอีกต่อไป
เกมทุบหัวตัวตุ่นที่ไม่จบสิ้น
แม้ปฏิบัติการในวันที่ 24 สิงหาคม 2024 ณ เมือง El Sheikh Zayed ใกล้กรุงไคโร จะจบลงด้วยการจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมของกลางเป็นแล็ปท็อป สมาร์ทโฟน และบัตรเครดิตที่มีวงเงินมหาศาล แต่นี่เป็นเพียงชัยชนะในสมรภูมิย่อย (Battle) ไม่ใช่การชนะสงคราม (War)
ในมุมมองของคนทำงานสาย Tech & Business เราเห็นบทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้ 3 ข้อ
- User Experience (UX) คือกุญแจสำคัญ: สาเหตุที่คนเลือกดูเว็บเถื่อน ไม่ใช่แค่เพราะ “ของฟรี” แต่เป็นเพราะ “ความสะดวก” (Convenience) ในยุคที่ลิขสิทธิ์กีฬาแตกกระจาย ผู้บริโภคต้องสมัครสมาชิก 3-4 แอปฯ เพื่อดูบอลลีกเดียว แต่ Streameast รวบรวมทุกอย่างไว้ในที่เดียวด้วย UX ที่ (น่าตลกคือ) ใช้งานง่ายกว่าแอปฯ แท้บางเจ้าเสียอีก
- Decentralized Brand: แบรนด์ Streameast ได้กลายเป็น Public Domain ในความรู้สึกผู้คนไปแล้ว เมื่อเว็บหนึ่งปิด อีกสิบเว็บก็พร้อมจะเปิดใหม่โดยใช้ชื่อเดิมเพื่อดึง Traffic นี่คือพลังของแบรนด์ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว
- Crypto ไม่ใช่เกราะกำบังอีกต่อไป: ใครที่คิดว่า Blockchain คือแดนสนธยาที่ไม่มีใครตรวจสอบได้ ต้องคิดใหม่ เพราะเคสนี้พิสูจน์แล้วว่า หากเจ้าหน้าที่เอาจริง ทุก Transaction บน Blockchain คือหลักฐานมัดตัวที่ดิ้นไม่หลุด (Immutable Evidence)
Thumbsup มองว่า การทลาย Streameast ครั้งนี้อาจเป็นการ “เด็ดหัว” ผู้เล่นรายใหญ่ได้สำเร็จ แต่ตราบใดที่ Pain Point ของผู้บริโภคเรื่องความซับซ้อนในการเข้าถึงคอนเทนต์ลิขสิทธิ์ยังไม่ได้รับการแก้ไข และตราบใดที่ “แบรนด์” ของเว็บเถื่อนยังคงมีความแข็งแกร่งในฐานะ “ฮีโร่ของคนงบน้อย” เกมทุบหัวตัวตุ่นนี้ก็จะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
สำหรับนักการตลาดและเจ้าของแพลตฟอร์ม สิ่งที่น่ากลัวกว่าเว็บเถื่อน คือการที่ผู้บริโภครู้สึกว่า “โจร” เข้าใจความต้องการของพวกเขา มากกว่าเจ้าของลิขสิทธิ์เสียอีก
อ่านเพิ่มเติม

