ในยุคที่สมรภูมิรีเทลไม่ได้วัดกันที่ “จำนวนร้านค้า” อีกต่อไป แต่คือการต่อสู้ด้วย “ประสบการณ์” (Experiential) ที่จะดึงคนออกจากหน้าจอให้มาใช้ชีวิตในพื้นที่จริง การเคลื่อนไหวล่าสุดของ “เซ็นทรัลพัฒนา” (CPN) จึงเป็นเคสที่น่าสนใจ
การประกาศจับมือกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Kiztopia Group ผู้นำ Family Edutainment Center (FEC) อันดับ 1 จากสิงคโปร์ เพื่อเปิดตัว ‘Xventure: Ultimate Urban Playground’ ที่เซ็นทรัล เชียงใหม่ ไม่ใช่แค่การเพิ่ม “แม็กเน็ต” ใหม่ แต่นี่คือการเดิมพันครั้งสำคัญในการตอกย้ำวิสัยทัศน์ “Centre of Life” และการปั้นกลยุทธ์ “Place Maker” ให้เป็นรูปธรรม
ในมุมมองของ Thumbsup เราไม่ได้มองว่านี่คือการเปิดตัวสนามเด็กเล่นในร่ม แต่เราเห็น “พิมพ์เขียว” ของการสร้าง “Retailtainment” (Retail + Entertainment) ที่กำลังจะกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการศูนย์การค้าไทย

เมื่อ “ห้าง” ไม่ใช่แค่ “ที่ช้อปปิ้ง” แต่คือ “จุดหมายปลายทาง”
ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าปลีกทั่วโลก คือทำอย่างไรให้ผู้คนยัง “จำเป็น” ต้องมาที่ศูนย์การค้า ในเมื่อทุกอย่างสั่งได้บนออนไลน์
คำตอบที่ CPN พยายามสื่อสารมาตลอด คือการเปลี่ยนสถานะจาก “Shopping Mall” ไปสู่ “Place Maker” หรือผู้สร้างพื้นที่ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกมิติ และหนึ่งในจิ๊กซอว์ที่สำคัญที่สุดคือ “Family Edutainment”
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา จากเซ็นทรัลพัฒนา ย้ำชัดว่า CPN คือผู้พัฒนาที่สามารถดึงดูด Global Brand ให้มาเปิดสาขาแรกในไทยได้มากที่สุด การที่ Kiztopia Group เลือกเซ็นทรัล เชียงใหม่ เป็น “โลเคชันแรกของโลก” สำหรับโมเดล Xventure จึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
นี่คือการต่อยอดความสำเร็จที่ “ถูกทดสอบ” มาแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านมา CPN และ Kiztopia ได้ “ซ้อมมือ” กันมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
- Kiztopia Flagship Store: การเปิดตัวสาขาแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในไทยที่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ ซึ่งเป็นการปักธงใน กทม. โซนตะวันตก
- Jumptopia: การใช้โมเดล “อีเวนต์ ออนทัวร์” ที่พิสูจน์แล้วว่าโมเดล FEC แบบเป่าลมสามารถสร้าง Traffic ให้กับศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศได้จริง
- Bounztopia: การทดลองตลาดที่เซ็นทรัล เชียงใหม่ เมื่อกลางปี 2567 ซึ่งผลตอบรับที่ดีเยี่ยม ได้พิสูจน์แล้วว่า “กำลังซื้อ” และ “ความต้องการ” ของกลุ่มครอบครัวในเชียงใหม่ (และนักท่องเที่ยว) มีมหาศาล
การเปิด Xventure จึงเป็น “สเต็ปถัดไป” ที่อัปเกรดจาก “อีเวนต์” และ “สาขาทดลอง” ไปสู่ “Permanent Attraction” ที่มีสเกลใหญ่ขึ้น (กว่า 2,200 ตร.ม.) และมีคอนเซปต์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิม
ทำไมต้อง “เชียงใหม่”?
คำตอบอยู่ในคำว่า “Tourist Mall” ของ ดร.ณัฐกิตติ์
เชียงใหม่ไม่ใช่แค่จังหวัดหัวเมืองหลัก แต่เป็น “จุดหมายปลายทางระดับโลก” การวางแม็กเน็ตระดับโลกอย่าง Xventure (ซึ่งเป็น “ที่แรกของโลก”) ลงไปที่นี่ คือการยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
- ดึงดูดนักท่องเที่ยว: สร้าง “New Attraction” ใหม่ให้จังหวัด นักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวที่มองหากิจกรรมสำหรับเด็ก จะมี Xventure เป็นหนึ่งในลิสต์ที่ต้องมา นี่คือการแข่งขันกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ไม่ใช่แค่กับคู่แข่งรีเทล
- เสริมแกร่ง Local Traffic: ตอบโจทย์กลุ่มครอบครัวในเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง (ภาคเหนือ) ที่ต้องการพื้นที่กิจกรรมคุณภาพสูง มาตรฐานสากล
- สร้าง Ecosystem ที่สมบูรณ์: เมื่อครอบครัวตัดสินใจมา Xventure พวกเขาจะใช้เวลาในศูนย์การค้านานขึ้น นำไปสู่การใช้จ่ายในส่วนอื่น ๆ ทั้งร้านอาหาร ร้านค้าแฟชั่น หรือบริการอื่น ๆ นี่คือ “Ecosystem” ที่ CPN พยายามสร้างให้เกิดขึ้นจริง
ถอดรหัส ‘Xventure’ ไม่ใช่แค่สนามเด็กเล่น แต่คือ “Active Sports Park”
สิ่งที่ Thumbsup สนใจเป็นพิเศษคือการที่ Kiztopia Group วางตำแหน่ง Xventure ว่าเป็น ‘Indoor Active Sports Park’
คุณไฮดี้ เทียน CEO ของ Kiztopia Group ให้สัมภาษณ์ได้น่าสนใจว่า พวกเขาไม่ได้สร้างแค่ “พื้นที่สำหรับความสนุก” แต่ต้องการ “สร้างสรรค์ประสบการณ์” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคปัจจุบัน
นี่คือการ “Re-define” (นิยามใหม่) ของ FEC
ถ้า FEC แบบเดิมเน้น “เด็กเล็ก” (Toddlers) และการ “เรียนรู้ผ่านการเล่น” (Learn through Play) ซึ่ง Kiztopia ก็ยึดถือเป็นแกนหลัก
แต่ Xventure ก้าวไปอีกขั้น มันถูกออกแบบมาเพื่อ “ทุกคน”
- เด็กโตและวัยรุ่น: ที่ต้องการความท้าทาย (Challenge) และการปลดปล่อยพลัง (Active)
- คนวัยทำงาน: ที่มองหาสถานที่ปลดปล่อยความสนุก ท้าทายศักยภาพ และ “กล้าทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ”
นี่คือ Insight ที่เฉียบคม! ตลาด FEC ไม่จำเป็นต้องจำกัดอยู่แค่เด็ก แต่สามารถขยายไปยังกลุ่ม “Young Adult” หรือแม้แต่ “Corporate Outing” ที่มองหากิจกรรม Team Building ได้
การผสมผสานระหว่าง “Interactive Play” และ “Digital Playground” เข้ากับ “Active Sports” คือการตอบโจทย์พฤติกรรมคนยุคใหม่ที่ต้องการทั้งความท้าทายทางร่างกาย (Physical) และการเชื่อมต่อทางเทคโนโลยี (Digital)
ลองดูไฮไลท์ที่พวกเขาชู:
- Rope course indoor (สูง 6.5 เมตร): สูงที่สุดในสวนสนุกอินดอร์เชียงใหม่ นี่คือการวัดใจ ไม่ใช่แค่การเล่น
- Drop Slide และ Launch Slide: สูงและชันที่สุดในเชียงใหม่ เน้นความหวาดเสียว
- Interactive sports (บาสเกตบอล, ฟุตบอล, จักรยาน): ผสานการแข่งขันกีฬาจริงเข้ากับเทคโนโลยี
นี่ไม่ใช่ “บ่อบอล” แต่มันคือ “สนามประลอง” ที่จริงจังภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก (SOP จากสิงคโปร์)
Thumbsup มองว่า การเปิดตัว Xventure ที่เซ็นทรัล เชียงใหม่ คือการประกาศทิศทางที่ชัดเจนของ CPN ว่า “ศูนย์การค้า” ในอนาคต จะต้องเป็น “ผู้สร้างประสบการณ์”
- The Rise of FEC 2.0: ตลาด FEC กำลังวิวัฒนาการจากการเน้นเด็กเล็ก ไปสู่การเป็น “Multi-Generational Active Park” ที่สามารถดึงดูดคนได้ทุกวัย และ Xventure คือหัวหอกของเทรนด์นี้
- Ecosystem is King: CPN แสดงให้เห็นว่าการมี “Ecosystem” ที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ คือแต้มต่อสำคัญในการเจรจากับ Global Brands การที่ Kiztopia เลือกขยายอาณาจักรไปกับ CPN สะท้อนความเชื่อมั่นใน Ecosystem นี้
- เชียงใหม่ as a Global Stage: การเลือกปักธง “โมเดลแรกของโลก” ที่เชียงใหม่ คือการส่งสัญญาณว่า ตลาดต่างจังหวัดที่มีศักยภาพ (โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยว) มีความพร้อมไม่แพ้กรุงเทพฯ ในการรองรับนวัตกรรมและบริการระดับโลก
- The “Movement” Marketing: คำพูดของคุณไฮดี้ เทียน ที่ว่าต้องการสร้าง “Movement” ให้คนออกมาเคลื่อนไหวร่างกายและมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น คือ “จุดขาย” ที่ทรงพลังในยุคที่ผู้คนโหยหา “Real Connection” สวนทางกับโลกดิจิทัล
เกมนี้ CPN ไม่ได้แค่ชนะใจกลุ่มครอบครัวในภาคเหนือ แต่กำลังสร้าง “มาตรฐานใหม่” ให้กับอุตสาหกรรมรีเทลว่า “แม็กเน็ต” ที่ทรงพลังที่สุดในวันนี้ อาจไม่ใช่แบรนด์เนมลดราคา แต่คือ “ประสบการณ์” ที่เงินซื้อไม่ได้… แต่ต้องมา “เล่น” ที่เซ็นทรัลเท่านั้น



