ในยุคที่ภูมิทัศน์สื่อ เปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนน่าใจหาย การปรับตัวไม่ใช่แค่ “ทางเลือก” แต่เป็น “ทางรอด” การผนึกกำลังระหว่าง Zense More (เซ้นส์ มอร์) ของ “เอ-วราวุธ เจนธนากุล” ยักษ์ใหญ่แห่งวงการ Entertainment Content และ Shopee (ช้อปปี้) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเบอร์หนึ่ง จึงไม่ใช่แค่การตลาดแคมเปญซีเกมส์ธรรมดา
แต่นี่คือการประกาศทิศทางใหม่ที่ชัดเจนของ Zense ที่กำลังเดิมพันครั้งใหญ่กับการเปลี่ยนผ่านจาก “สื่อทีวี” สู่ “ธุรกิจออนไลน์” เต็มรูปแบบ โดยมีแคมเปญ “เชียร์เจ้าซีเกมส์ รับโชคแจก 35 ล้าน” เป็นหัวหอกในการชิมลางกลยุทธ์ใหม่ที่เรียกว่า “Sportainmerce”

เขย่าตลาดด้วย Sportainmerce เมื่อการเชียร์กีฬาถูกแปลงเป็น “สินค้า”
แคมเปญ “เชียร์เจ้าซีเกมส์ รับโชคแจก 35 ล้าน” ถูกจุดขึ้นในวาระที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2025 ซึ่งเป็นกลับมาเป็นเจ้าภาพในรอบ 18 ปี Zense More และ Shopee จึงใช้โอกาสนี้สร้างปรากฏการณ์การเชียร์กีฬาแบบใหม่
โมเดลของแคมเปญนี้เรียบง่ายแต่น่าสนใจ
- สินค้า: E-Wallpaper (วอลเปเปอร์มือถือ) ลายธงชาติ 11 ประเทศผู้เข้าแข่งขัน
- ราคา: 10 บาท ต่อ 1 ลาย
- ช่องทาง: Application และ Website ของ Shopee เท่านั้น
- สิ่งที่ได้: ทุกการซื้อ 1 ลาย (10 บาท) จะได้รับ 1 สิทธิ์ในการลุ้นรางวัล
- รางวัล: อภิมหารางวัลรวมมูลค่ากว่า 35 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ไทย ประกอบด้วยทองคำมูลค่า 15 ล้านบาท, รถยนต์, รถจักรยานยนต์ และอื่น ๆ อีกมากมาย
กลยุทธ์นี้คือการอัปเกรด “การตลาดบนความหวัง” (Hope Marketing) ที่คนไทยคุ้นเคย จากยุคที่ต้องส่งไปรษณียบัตรทายผลฟุตบอลโลก หรือส่งชิ้นส่วนผลิตภัณฑ์ มาสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว
คำว่า “Sportainmerce” (Sport + Entertainment + Commerce) คือการหลอมรวมจุดแข็งของ Zense ในด้าน Entertainment และประสบการณ์ด้าน Sport เข้ากับพลังของ E-commerce จาก Shopee นี่คือการเปลี่ยน “กิจกรรมการเชียร์” (Engagement) ให้กลายเป็น “ธุรกรรม” (Transaction) ที่จับต้องได้ และที่สำคัญคือ “ไร้พรมแดน”
ในอดีต การส่งไปรษณียบัตรถูกจำกัดแค่ในประเทศ แต่การขาย E-Wallpaper บน Shopee ซึ่งมีเครือข่ายทั่วอาเซียน หมายความว่าแฟนกีฬาในเวียดนาม, อินโดนีเซีย หรือสิงคโปร์ ก็สามารถซื้อ Wallpaper ประเทศตัวเองเพื่อลุ้นรางวัลได้เช่นกัน นี่คือการ Scale Up แคมเปญระดับประเทศสู่ระดับภูมิภาคในทันที
เมื่อ “ทีวี” ไม่ใช่เซฟโซน Zense จึงต้อง “Go Online”
อย่างไรก็ตาม ไฮไลท์ที่แท้จริงของดีลนี้ไม่ใช่ตัวเลข 35 ล้านบาท แต่คือ “เหตุผล” ที่ Zense More ต้องทำ วราวุธ เจนธนากุล ซีอีโอ ZENSE MORE คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวอย่างตรงไปตรงมาในงานว่า นี่คือการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อความอยู่รอดและเติบโต
ในฐานะคนในวงการสื่อ เรารู้กันดีว่า “ธุรกิจสื่อทีวี” อยู่ในภาวะถดถอยมานาน คุณวราวุธ ยอมรับว่ารายได้จากทีวีไม่แข็งแรงเหมือนเก่า จากจุดพีคที่ Zense เคยมีรายได้สูงถึง 700 กว่าล้านบาทต่อปี ปัจจุบันฐานรายได้จากทีวีลดลงเหลือประมาณ 200 กว่าล้านบาท เมื่อเม็ดเงินโฆษณาหดตัวและย้ายไปสู่แพลตฟอร์มออนไลน์ ผู้ผลิตคอนเทนต์อย่าง Zense จึงจำเป็นต้องหา “บ่อน้ำใหม่”
นี่คือที่มาของการรีแบรนด์จาก “Zense Entertainment” สู่ “Zense More” เพื่อประกาศว่าบริษัทจะทำ “มากกว่า” แค่เอนเตอร์เทนเมนต์
แคมเปญ “เชียร์เจ้าซีเกมส์ฯ” จึงเป็น “โครงการนำร่อง” (Pilot Project) ชิ้นโบแดง ที่จะพิสูจน์ศักยภาพของ Zense ในโลกออนไลน์
แคมเปญเดียวที่อาจสร้างรายได้ 50% ของทั้งปี
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือตัวเลขคาดการณ์ คุณวราวุธเปิดเผยว่า แคมเปญนี้แคมเปญเดียว คาดว่าจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับ Zense More ได้ถึง 50% ภายในปีนี้!
นั่นหมายความว่า Zense กำลังมองเห็น New S-Curve ใหม่ที่ชัดเจนมาก โดยคาดการณ์ว่าโปรเจกต์นี้จะสร้าง “มูลค่าการซื้อขาย” (GMV) ได้สูงถึงประมาณ 300 ล้านบาท
ตัวเลขนี้สะท้อนว่า Zense ไม่ได้มองแคมเปญนี้เป็นแค่ “โปรโมชั่น” แต่คือ “ธุรกิจใหม่” ที่มีนัยสำคัญต่อพอร์ตรายได้รวมของบริษัท และเป็นการย้ายฐานที่มั่นจาก Offline สู่ Online อย่างเป็นรูปธรรม
ในอนาคต 2-3 ปีข้างหน้า คุณวราวุธตั้งเป้าให้รายได้จากฝั่ง “ออนไลน์” เติบโตขึ้นเป็นสัดส่วนถึง 70-80% ของรายได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นการพลิกโครงสร้างบริษัทอย่างสิ้นเชิง
อนาคตของ “Zense More” 3 แกนหลัก สู่การเป็น Tech & Content Company
การจับมือกับ Shopee (ซึ่ง Zense เลือกพาร์ทเนอร์เบอร์ 1 เสมอ) เป็นเพียงจิ๊กซอว์ตัวแรก อนาคตของ “Zense More” ถูกวางไว้บน 3 แกนหลักที่น่าสนใจ
- Sport Promoter & Event: ขยับจากการเป็นผู้ผลิต “คอนเทนต์กีฬา” ไปสู่การเป็น “ผู้จัด” (Promoter) กีฬาชนิดใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นที่นิยม เพื่อสร้างอีเวนต์และรายได้ของตัวเอง
- Short-form Drama (ซีรีส์แนวตั้ง): นี่คือเกมที่น่าจับตามอง Zense กำลังเจรจากับพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่จาก “จีน” เพื่อบุกตลาด “Short-form Drama” (ไมโครดราม่า หรือซีรีส์แนวตั้ง) ที่กำลังบูมทั่วโลก โดยจะมีการสอดแทรกการขายสินค้า (Commerce) เข้าไปในเนื้อหาโดยตรง นี่คือ “Entertain-merce” ของจริง และ Zense ตั้งเป้าจะสร้าง “Format” ของตัวเองเพื่อขายลิขสิทธิ์ไปทั่วโลก ไม่ใช่แค่การซื้อฟอร์แมตต่างชาติเข้ามาทำอีกต่อไป
- New Application (สายมู?): Zense กำลังพัฒนาแอปพลิเคชันใหม่ที่จะมา “ตอบโจทย์ชีวิตคนไทย” ซึ่งคุณวราวุธแอบแย้มว่าเกี่ยวกับสิ่งที่คนไทยชอบดูตอนเช้า… ซึ่งคาดเดาได้ไม่ยากว่าอาจจะเป็นตลาด “สายมู” (Mutelu) หรือโหราศาสตร์ ที่มีขนาดใหญ่และมีกำลังซื้อมหาศาล
Thumbsup มองว่า การเคลื่อนไหวของ Zense More ครั้งนี้ คือ Case Study ที่ชัดเจนที่สุดของการ “Pivot” ธุรกิจที่ถูก Disrupt โดยเทคโนโลยี
ในขณะที่ผู้ผลิตสื่อทีวีหลายรายยังคงพยายาม “ยื้อ” หรือแค่ “ย้าย” คอนเทนต์เดิมไปลงออนไลน์ Zense กำลังแสดงให้เห็นว่าทางรอดที่แท้จริงคือการ “สร้างโมเดลธุรกิจใหม่” ที่ออนไลน์เป็นศูนย์กลาง
กลยุทธ์ของ Zense สามารถสรุปออกมาได้ 3 มิติ
- De-risk (ลดความเสี่ยง): แทนที่จะสร้างแพลตฟอร์มเอง Zense เลือกจับมือกับ “เบอร์ 1” อย่าง Shopee ที่มีฐานผู้ใช้ในไทยเกือบ 30 ล้านบัญชี เพื่อการันตีการเข้าถึง (Reach) มหาศาลในทันที
- Low Friction (แรงเสียดทานต่ำ): การตั้งราคา “ตั๋ว” ลุ้นโชคไว้ที่ 10 บาท (E-Wallpaper) เป็นราคาที่ขจัดอุปสรรคในการตัดสินใจซื้อ (Low Friction) ทำให้เกิดการซื้อซ้ำและซื้อจำนวนมากได้ง่าย “ยิ่งซื้อมาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก”
- Data & Proof of Concept: สิ่งที่ Zense ได้รับอาจมีค่ามากกว่ารายได้ คือ “ข้อมูล” พฤติกรรมผู้บริโภค และ “การพิสูจน์โมเดล” (Proof of Concept) ของ Sportainmerce ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดกับอีเวนต์กีฬาอื่นๆ หรือแม้แต่คอนเสิร์ตในอนาคตได้
นี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ของ “เอ วราวุธ” ที่เปลี่ยนจาก “เจ้าพ่อเกมโชว์” มาสู่การเป็น “ผู้ประกอบการเทคโนโลยี” นี่คือสัญญาณเตือนไปยังทุกธุรกิจดั้งเดิมว่า หากคุณไม่เปลี่ยนแปลงวันนี้ วันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีที่ให้คุณยืน
โลกธุรกิจหมุนเร็วกว่าที่เราคิด และ Zense More กำลังเหยียบคันเร่งเพื่อหนีคลื่น Disruption ครั้งนี้อย่างสุดกำลัง และดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจะแซงหน้าคู่แข่งไปอีกหลายช่วงตัว
อ่านเพิ่มเติม



