![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2019/08/หักหลัง-cover-1024x661.jpg)
ใครที่อยู่ในวงการธุรกิจจะพอรู้ว่า การเล่นคำเล่นลิ้นเป็น สกิลเข็มพิษของนักการตลาดหลายท่าน เช่น ชูจุดเด่นที่ส่วนผสมนี้แล้วแอบลดส่วนผสมหลักลงมา เพื่อขายในต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นแค่คนข้างในเท่านั้นที่รู้ แต่หากหลุดไปถึงผู้บริโภคเมื่อไหร่หายนะจะเกิดขึ้นแน่นอน ความร้ายแรงอาจจะมากกว่าที่เราคิดนะคะ ฉะนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่า หากผู้บริโภครู้สึกถูกหักหลังจากแบรนด์จะเกิดเอฟเฟคร้ายแรงยังไงบ้าง
ไม่ซื้อสินค้าอีกเลย
![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2019/08/หักหลัง3-1024x1024.png)
เริ่มแรกเมื่อรู้ว่าถูกหักหลัง สิ่งแรกที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ทำคือ “บ๊ายบาย” ยิ่งถ้าเป็นผู้บริโภคที่เคยเป็นแฟนเหนียวแน่นของเรามาก่อน บอกเลยว่าหายนะมันมากกว่าราคาสินค้าที่เค้าคิดจะซื้อ เพราะยังรวมถึงเงินในอนาคตที่เค้าจะจ่ายให้เราหายไปอีกด้วย
ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดได้บ่อย ถึงแม้สินค้าจะดีแค่ไหนก็ตาม เช่น เจอการบริการที่แย่เกินกว่าจะรับได้ ซึงเป็นสิ่งที่เราพบได้บ่อยมากๆ เรียกว่าเป็นจุดตายขอหลายแบรนด์เรื่องการคุมคุณภาพบริการเลยทีเดียว ร้ายแรงอาจจะถึงขั้นรีวิวออนไลน์ ถ้าเกิดเมื่อไหร่ล่ะก็ ดูรายได้เดือนนี้ได้เลย
มองภาพแบรนด์เปลี่ยนไป
ให้มองภาพว่า หากเราจับได้ว่าแฟนมีกิ๊ก ความรู้สึกเราจะเหมือนเดิมมั้ย เรายังจะมองว่าเค้าเป็นผู้ชายรักเดียวใจเดียวอีกหรือเปล่า ซึ่งคำตอบก็คง ไม่แน่นอน แบรนด์ก็เหมือนกันค่ะ นักการตลาดพยายามใช้คำเชิญชวนมากมายเพื่อให้ผู้บริโภคซื้อแต่กลับดัดหลังกลับ
เช่น สินค้าชิ้นนี้ส่งฟรี รับไปทดลองเลย 3 ชิ้น แต่เมื่อเข้าไปดูกับพบว่าเจอค่าส่ง ราคาพอๆ กับราคาสินค้า ครึ่งนึง ซึ่งหมายความว่าลูกค้าจ่ายสินค้า 50% เพื่อซื้อสินค้าเลย แสดงว่าความคุ้มค่าที่ได้ตอนแรกมันคือสิ่งปลอมๆ เหมือนโดนแบรนด์โกหก นอกจากไม่ซื้อแล้ว คุณอาจจะจะโดนลบออกจากสารระบบทันที
บอกต่ออย่างเมามันส์ ( Word of mouth )
![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2019/08/หักหลัง1-1024x1024.png)
Word of mouth ทรงพลังแค่ไหนใครเล่าจะรู้ จนกว่าจะได้เจอด้วยตัวเอง พลังของสิ่งนี้เป็นเครื่องมือของเหล่า Influencer ในปัจจุบัน เพราะต้องพูดโน้มน้าวคนดูให้ไปซื้อสินค้านี้สิ ดีนะ (พูดแทนแบรนด์) ซึ่งแน่นอนว่าหากการพูดบอกต่อนี้เป็นสิ่งที่ “ย่ำแย่” รับรองร้านนั้นจะไม่มีคนเข้าไปเลย เรียกว่าพลังโซเชียลร้ายแรงกว่าที่คิด เวลาเกิดเรื่อง Toxic เมื่อไหร่แบรนด์จะเลือกใช้การรีวิวรับส่วนลด เพื่อไปกลบข่าวแย่ๆ นั้นออกจากโซเชียลทันที
รีวิวสุดฮาร์ดคอร์
![](https://www.thumbsup.in.th/wp-content/uploads/2019/08/หักหลัง4-1024x1024.png)
มาถึงเคสร้ายแรงกันบ้างอย่างการรีวิวสุดฮาร์ดคอร์ ไม่ว่าจะเป็น Pantip หรือ เว็บไซต์รีวิวต่างๆ โดยเฉพาะวงการเครื่องสำอางค์ ถ้าแบรนด์ไหนทำลูกค้าเดือดขึ้นมารับรองดราม่ากระจุย อย่างเช่นกรณี ที่บิวตี้บล็อคเกอร์เคลมว่าสินค้านี้ดี แต่เมื่อซื้อไปใช้แล้วกลับไม่เป็นดังคิด บางคนแพ้จนต้องเข้าโรงพยาบาล
และเมื่อมาสอบถามบิวตี้บล็อคเกอร์ท่านนั้นกลับพบว่า ไม่ได้รับคำตอบที่ดีเพียงพอ จนเกิดมหากาพย์รีวิวลง Pantip สุดร้อนแรง จนทำบล็อคเกอร์ท่านั้นหายหน้าจากโลกโซเชียลไปสักพัก แล้วกลับมาเมื่อข่าวซาแล้ว แต่ความเชื่อถือในบล็อคเกอร์ท่านนี้ก็ลดลงฮวบฮาบทีเดียว
การถูกหักหลังจากใครสักคนนึงไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วนะคะ เพราะเอฟเฟคส่งผลถึงยอดขายโดยตรงแน่นอน ยิ่งถ้าเกิดรีวิวบนโลกออนไลน์เมื่อไหร่ บอกเลยว่าเรื่องดังไปไกลมาก เพราะคนไทยชอบเสพดราม่ากันด้วย ฉะนั้นอยากสนับสนุนให้แบรนด์หรือ Influencer พูดถึงคุณประโยชน์จริงๆ ไม่ต้องเคลมเยอะเกินไป ไม่งั้นจากแบรนด์ที่ดีจะกลายเป็นเสียได้ค่ะ