จับตางานด้านอุตสาหกรรมอาหารแห่งเอเชียอย่าง Food Ingredients Asia 2019 หรือ Fi Asia 2019 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11-13 กันยายน 2562 ที่ไบเทค บางนา ชี้โปรตีนแทนเนื้อสัตว์ขึ้นเทรนด์อาหาร 2020 และยกให้ปัจจุบันเป็นยุคแห่งเทคโนโลยีและงานวิจัย ย้ำผู้ประกอบการเร่งใช้เทคโนโลยีอย่าง AI พร้อมกับเปลี่ยนแพคเกจจิ้ง เพื่อยกระดับคุณภาพสินค้าให้เป็นที่ยอมรับและอยู่ในมาตรฐานระดับสากล

“อาหาร” ถือเป็น 1 ในปัจจัย 4 ที่มนุษย์ขาดไม่ได้ และยิ่งในประเทศไทยด้วยแล้ว เราไม่เป็นสองรองใครในเรื่องของการผลิตอาหาร

เห็นได้จากอุตสาหกรรมอาหารในประเทศของเรามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีผู้ประกอบการทั้งจากในไทยและจากต่างชาติตั้งแต่ระดับ Startups, SMEs หรือแม้แต่บริษัทขนาดใหญ่อยู่ประเทศเป็นจำนวนมาก เข้ามาตั้งรกรากและดำเนินธุรกิจเป็นจำนวนมาก

แม้เราจะไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร แต่การรู้ถึงเทรนด์อาหาร และเทรนด์ของผู้ประกอบการด้านอาหาร ก็เป็นเรื่องดีที่เราจะได้ทำความรู้จักอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนประเทศไทยในหลายแง่มุมมากขึ้น

แต่ถ้าใครอยู่ในวงการนี้ การอัพเดทข้อมูลให้ทันสมัยก็เป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าไม่ปรับตัวเราก็อาจไม่รอด

ในวันนี้ เราจึงนำข้อมูลเทรนด์ผู้ประกอบการอาหารจาก Fi Asia งานแสดงสินค้าส่วนผสมอาหาร ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 11-13 กันยายน 2562 ณ ไบเทค บางนา มาฝากทุกท่านกันครับ

เทรนด์ของผู้ประกอบการอาหาร ปี 2563

ซึ่งทาง Fi Asia เผยเทรนด์ของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ปี 2563 (ค.ศ.2020) ที่น่าสนใจดังนี้

1. Food Waste Solutions

หลายประเทศทั่วโลกเริ่มมีการพัฒนานวัตกรรมที่ลดการสูญเสียอาหารสภาพดีที่กลายเป็นของเสียโดยไม่จำเป็นมากขึ้น หลังพบว่ามีการทิ้งอาหารตามฉลากที่ระบุวันหมดอายุ ทั้งที่อาหารยังรับประทานได้ตามปกติ ซึ่งเป็นการสูญเสียทรัพยากรไปอย่างน่าเสียดาย

นวัตกรรมแรกที่น่าสนใจ คือ พัฒนาฉลากอัจฉริยะบนบรรจุภัณฑ์อาหารเพื่อให้ผู้บริโภคทราบได้อย่างแม่นยำมากขึ้นว่าอาหารของพวกเขาสดแค่ไหน หรือเริ่มเปลี่ยนผ่านความสดใหม่แต่ยังรับประทานได้อยู่ จนถึงจุดสิ้นสุดที่ไม่สามารถรับประทานได้แล้ว

ส่วนต้นทางในการผลิต ก็เริ่มมีการนำแนวคิดใช้วัตถุดิบที่ไม่สวยงาม หรือวัตถุดิบตกเกรด  มาใช้ในการแปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มมากขึ้น เช่น ผัก ผลไม้ ที่มีรูปทรงไม่สวยงามตามเกรดคัดมักจะถูกทิ้งออกจากกระบวนการผลิต ทั้งที่ใช้ทรัพยากรในการผลิตเทียบเท่ากับชิ้นอื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรและอาหารมากขึ้น เพื่อให้ได้ผลผลิตออกมาเป็นอาหารและเครื่องดื่มให้สมกับที่ใช้ทรัพยากรและแรงงานในการเพาะปลูกอีกด้วย

2. AI

ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์ เครื่องจักรกล แขนจักรกล หรือโปรแกรมการผลิตแบบอัจฉริยะเท่านั้น แต่ AI ในอุตสาหกรรมอาหารกำลังมุ่งไปที่การบริหารจัดการตั้งแต่ “ต้นน้ำ” จนถึง “ปลายน้ำ”

ทั้งการจัดหาวัตถุดิบ ตรวจสอบการผลิต ควบคุมมาตรฐาน-รสชาติ ไปจนถึงแผนการขนส่ง-สต็อกสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด

ซึ่งจะเห็นความพยายามของบริษัทขนาดใหญ่จะมีการพัฒนา AI ขึ้นมาใช้แบบเฉพาะด้านทั้งในฝั่งอาหารและการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร AI ยุคนี้มีความสามารถสูงถึงขนาดจดจำรสชาติที่ละเอียดจนเกิดเป็นมาตรฐานของการผลิตได้

ส่วน SMEs, Startups หรือผู้ประกอบการที่มีขนาดเล็กลงมา ก็กำลังปรับตัวเข้าหา AI เพื่อการผลิตที่อยู่ในมาตรฐานสากล เช่น มีการดึงเอา AI ที่มีความสามารถในการทำความสะอาดเครื่องจักรผสมอาหาร หรือสามารถวัดค่าความสะอาดทั้งในแง่ของพื้นผิวและกลิ่น เพื่อคงคุณภาพในการผลิตอาหารและเครื่องดื่มได้ทุกครั้งที่ใช้เครื่องจักร

3. Packaging

การออกแบบแพคเกจจิ้งในปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่ความสวยงาม หรือให้รายละเอียดที่ชัดเจนแก่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยุคนี้ การออกแบบแพคเกจจิ้งยังต้องคำนึงถึงความสามารถในการย่อยสลายลงสู่สิ่งแวดล้อมของโลกเราอีกด้วย

ผลพวงของกระแสรักษ์โลก จุดประกายให้ผู้ผลิตต่าง ๆ ตระหนักถึงผลกระทบของแพคเกจจิ้ง ไม่ว่าจะเป็นหลอดพลาสติก (ที่อาจมีผลกับเต่าทะเล) ถุงพลาสติก (ที่อาจมีผลกับวาฬ)  หรือแม้แต่ห่วงฝาขวดน้ำ (ที่อาจรัดปากโลมาได้)

ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแพคเกจจิ้งอย่างมากมายตามการเรียกร้องของผู้บริโภคแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตัวอย่างการปรับตัวที่มีให้เห็น ก็อย่างเช่น การใช้แพคเกจจิ้งย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ, การรีไซเคิลแพคเกจจิ้งใช้ซ้ำ หรือการออกแบบแพคเกจจิ้งให้สามารถถือพกพาได้ง่ายโดยไม่ต้องใส่ถุงพลาสติก เป็นต้น

4. Bountiful Choice

เมื่อแบรนด์ต่าง ๆ ถูกขับเคลื่อนด้วยอารมณ์และความต้องการของผู้บริโภค นำไปสู่การสร้างสินค้าที่มีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่ตรงกับความต้องการและรสนิยมของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น

ซึ่งนอกจากการตลาดที่แบ่ง Segments ลูกค้าแบบเดิม ๆ นั้น แบรนด์ต่าง ๆ ยังหันมาให้ความสนใจกับรสชาติ รูปแบบ และบรรจุภัณฑ์มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาสินค้าแบบ “Think out of the box” หรือ “คิดออกนอกกรอบ” เพื่อรักษาการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค

โดยในอนาคตผู้บริโภคจะให้ความสำคัญกับอาหารมากกว่าเรื่องของความอิ่มท้อง แต่จะมองอาหารเป็นเครื่องแสดงออกถึงความเป็นตัวตนรูปแบบหนึ่ง อาทิกลุ่ม Millennium และ Generation Z ถือ เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับประเด็นทางสังคมโดยยินดีจ่ายมากขึ้นให้กับสินค้าที่สนับสนุนแนวคิดบางอย่าง

ซึ่งผู้ประกอบการต้องทำการบ้านหนักขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มดังกล่าว เช่น การนำเสนอข้อมูลที่มาของวัตถุดิบ ข้อมูลสำหรับตรวจสอบที่มาของส่วนผสม และกระบวนการผลิต ข้อมูลที่แสดงถึงการมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

5. Rising of FoodTech & AgriTech

ภายในปี 2593 นี้ มีการคาดการณ์ว่าประชาการโลกจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านคน ดังนั้นเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นนี้ เราจะต้องมีผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้นอีก 70 เปอร์เซ็นต์จากบริมาณการผลิตที่ทำได้ในปัจจุบัน

ทำให้เทคโนโลยีต่าง ๆ จะเข้ามามีบทบาทในการเกษตรมากขึ้น การทำฟาร์มแนวดิ่ง (Vertical Farming) และการทำเกษตรในร่ม (Indoor Farming) สำหรับเพาะปลูกในเมือง ในอาคาร หรือการใช้เทคโนโลยี IoT (Internet of Things) และ Big Data จะเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อวิเคราะห์ข้อมูล และพัฒนากระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่น นำมาใช้ในการวิเคราะห์น้ำในดิน, คาดการณ์ผลผลิต, ตรวจวัดผลผลิต, ให้ปุ๋ย-ยาฆ่าแมลง, สอดส่องพืชผล และช่วยจัดเก็บข้อมูล ซึ่งช่วยให้มีผลผลิตทางการเกษตรได้ทันต่อความต้องการที่มากขึ้น

นอกจากเทคโนโลยีเพื่อการเกษตรแล้ว จะมีเทคโนโลยีในการแปรรูปสินค้าเกษตรให้กลายเป็นอาหาร และเทคโนโลยีในการบริหารจัดการ ก็เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ผู้ประกอบการต้องจับตามอง ซึ่งรวมไปถึงงานวิจัยต่าง ๆ  ที่ออกมา จะช่วยให้การทำเกษตรกรรมและอุตสาหกรรมอาหารมีสภาพที่ดีขึ้นตามมาในอนาคต

โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดการเกษตรอัจฉริยะจะขยายตัวได้ถึง 23,140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2565 และจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 19.3 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

6. Foodie Influencer

ยุคนี้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างง่ายดายและหลากหลายช่องทางมากขึ้น  ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารหันมาให้ความสำคัญกับการทำการตลาดออนไลน์มากยิ่งขึ้น ซึ่งชาวไทยอย่างเรา ๆ นั้นมีอัตราการการเข้าถึงโซเซีลมีเดียมากถึง 86 เปอร์เซ็นต์

ผลสำรวจของ Fi Asia ระบุว่า

  • ผู้บริโภค 58 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าโซเชียลมีเดียและรีวิว มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
  • ผู้บริโภค 23 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าการบอกต่อ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
  • ผู้บริโภค 9 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าการโฆษณาในสื่อ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ

สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อเสียงบอกต่อมีพลังมากกว่าการโฆษณาชวนเชื่อ บทบาทของ Foodie Influencer จึงมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคช่างเลือกอย่างไม่น่าเชื่อ

ซึ่งการใช้ Influencer Marketing นี้ไม่ได้มีอยู่แค่ในไทยเท่านั้น แต่แพร่ขยายไปทั่วโลก รวมถึงในภูมิภาคเอเชียที่มีอัตราการใช้อินเตอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียสูงอีกด้วย

เทรนด์อาหาร 2020

ส่วนเทรนด์ด้านอาหารนั้น Fi Asia ระบุว่า ในปี 2563 (ค.ศ.2020) ที่จะถึงนี้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจมากมาย แต่สามารถสรุปออกได้เป็น 9 ข้อใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

  1. โปรตีนสายพันธุ์ใหม่ โปรตีนแทนเนื้อสัตว์มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 6,725 ล้านบาท และมีแนวโน้มขยายตัว 6.4 เปอร์เซ็นต์ ตามความนิยมบริโภคอาหารโปรตีนสูงเพื่อสร้างสมดุลทางโภชนาการทดแทนเนื้อสัตว์ โดยมีเนื้อไร้เนื้อ (Plant Based Food) เป็นดาวรุ่งของเทรนด์นี้
  2. อาหารที่ลดปริมาณน้ำตาล เพิ่มความหวานที่ดีต่อสุขภาพ การเปลี่ยนโครงสร้างอนุภาคของน้ำตาล เพื่อให้ละลายบนลิ้นได้เร็วกว่าเดิม ซึ่งผู้บริโภคจะได้รับรสชาติความหวานเท่าเดิม อาหารมีรสชาติเหมือนเดิม 100 เปอร์เซ็นต์ แต่สามารถลดน้ำตาลในการผลิตได้มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์
  3. อาหารพร้อมทานเพื่อสุขภาพ โดยคำนึงถึงปัจจัย 5 ประการ คือ มีปริมาณน้ำตาลน้อย ไขมันอิ่มตัวต่ำ ไขมันรวมต่ำ มีใยอาหาร และมีโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอ โดยมีการคาดการณ์ว่าตลาดอาหารพร้อมทานเพื่อสุขภาพของโลกจะมีมูลค่าประมาณ 10,551 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2564
  4. อาหารสำหรับผู้สูงอายุ การเป็นสังคมผู้สูงอายุของประชากรโลก ทำให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มต้องให้ความสำคัญกับผู้บริโภคกลุ่มนี้มากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าประเทศไทย ในปี 2565 จะมีผู้สูงวัยอายุ 70 ปี มากถึง 4,600,000 คน
  5. วัตถุดิบและส่วนผสมจากท้องถิ่น เนื่องจากผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่หันมาให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมท้องถิ่น หรือความแปลกใหม่อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่ม  ส่งผลให้อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มต้องมองหาวัตถุดิบและส่วนผสมเฉพาะถิ่นเพื่อดึงเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมของตนเอง
  6. เครื่องดื่มสีใส แต่งกลิ่น แต่งรส สดชื่น เมื่อตลาดเครื่องดื่มเริ่มอิ่มตัว การสร้างสรรค์สินค้าใหม่จึงเป็นอีกทางออกที่สร้างมูลค่าได้อย่างน่าสนใจ โดยเครื่องดื่มสีใส แต่งกลิ่น แต่งรส และให้ความสดชื่น เกิดขึ้นมาเพื่อทำตลาดใหม่ หลังจากที่ตลาดเดิมอย่างน้ำอัดลมกำลังถึงจุดอิ่มตัว
  7. เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ จากปัจจัยที่ผู้บริโภคเครื่องดื่มกำลังมองหาสินค้าที่มีน้ำตาลน้อยไปจนถึงไม่มีน้ำตาล แต่รสชาติอร่อยไปพร้อม ๆ กับเป็นทางเลือกเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจึงถูกคิดค้นขึ้นมากมายในยุคสมัยนี้ โดยเพิ่มส่วนผสมเพื่อบำรุงสมอง เสริมการทำงานของลำไส้ และเพิ่มความงาม
  8. น้ำดื่มบรรจุขวดและน้ำมะพร้าว ถือเป็นยุคเฟื่องฟูของน้ำดื่มบรรจุขวด เนื่องจากผู้บริโภคมีความต้องการน้ำดื่มที่สะอาดและมีคุณภาพ โดยมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากการขยายตัวของ GDP พร้อมปัจจัยหนุนจากอากาศร้อนของปรากฏการณ์ El Nino ทำให้น้ำดื่มบรรจุขวดเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะน้ำมะพร้าว
  9. การแปรรูปแมลง แมลงเป็นอาหารโปรตีนสูงที่สามารถบริโภคทดแทนเนื้อสัตว์ได้ โดยแป้งที่ได้จากการทำแมลงให้เป็นผง 100 กรัม จะให้โปรตีนได้สูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เนื้อสัตว์อื่น ๆ จะให้โปรตีนที่ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งแมลงถือเป็นวัตถุดิบและสร้างมลพิษให้โลกน้อยมาก มูลค่าตลาดของแมลงทานได้อยู่ 12,000 ล้านบาท

 

ซึ่งบริษัทผู้ดำเนินงานการจัดการแสดงสินค้าทั้งภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และนวัตกรรม อย่าง Informa Markets เผยรายละเอียดการจัดงาน Food Ingredients หรือ Fi Asia ว่าเป็นงานแสดงสินค้าส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มที่จัดขึ้นในประเทศไทยทุก 2 ปี ทำให้ผู้ประกอบการและผู้ผลิตสินค้าเกษตรตื่นตัวในการนำวัตถุดิบที่มีในประเทศมาแปรรูปเป็นอาหาร โดยเพิ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้สินค้ามีมูลค่ามากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา นอกจากนี้ยังสามารถค้นหาส่วนผสมใหม่ๆ จากผู้ผลิตที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาสินค้าให้แตกต่างจากคู่แข่งและตรงใจผู้บริโภคอีกด้วย

โดยในปีนี้จะจัดงาน Fi Asia 2019 วันที่ 11-13 กันยายน 2562 ที่ไบเทค บางนา ฮอลล์ 101-104 ซึ่งถือเป็นการจัด Fi Asia ครั้งที่ 24 แล้ว โดยในงานมีการจัดแสดงสินค้าส่วนผสมอาหารและเครื่องดื่มมากกว่า 750 บริษัท จาก 50 ประเทศทั่วโลก

พร้อมกับมีการจัดนิทรรศการนานาชาติจากจีน ยุโรป ไอร์แลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ไต้หวัน ฝรั่งเศส อินเดีย อีกด้วย

ผู้จัดงานระบุว่า การจัด Fi Asia ในแต่ละปีมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 25 เปอร์เซ็นต์ สร้างมูลค่าการซื้อขายได้มากถึง 250-300 ล้านบาทต่อปี และคาดการณ์ว่ามีผู้เข้าชมงานและเจรจาธุรกิจมากถึง 20,000 ราย

ซึ่งในงานปีนี้ จะมีนิทรรศการแบ่งตามกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร เช่น นิทรรศการส่วนผสมจากธรรมชาติ,  นิทรรศการส่วนผสมเพื่อสินค้าสุขภาพ, นิทรรศการส่วนผสมเพื่อเครื่องดื่ม และจะมีนิทรรศการจากผู้ประกอบการใหม่อีกด้วย

และนอกจากจะได้รู้ถึงเทรนด์ของอุตสาหกรรมอาหารในงานดังกล่าวแล้ว ในงานยังมีกิจกรรมที่เสริมสร้างไอเดีย และให้ความรู้ด้านนวัตกรรมแก่ผู้เข้าชมงาน อย่าง Innovation Zone, Sensory Box, Innovation Tour, Beverage Theatre และส่วนจัดแสดงสินค้าท้องถิ่นของไทยที่เพิ่มการแปรรูป

รวมไปถึงกิจกรรมสัมมนาและการประชุมในหัวข้อ Opportunity in ASEAN Food Industry, Opportunity in Indonesia and Halal Requirements, Unlock your health with snack เป็นต้น

ต้องบอกเลยว่า หากใครสนใจอุตสาหกรรมอาหาร อย่าพลาดงานอย่าง Fi Asia 2019 เด็ดขาดครับ

Just ordinary guy who interested about current affairs, new media and technology. Now I'm Creative Content Creator and Co-founder of 'Yarmfaojor' (ยามเฝ้าจอ) Thailand TV Monitor by new generation.